4 เคล็ดลับต้องรู้สำหรับ อาชีพค้าขายกับการเงินออม หากอยากมีเงินออมไว้ใช้ในอนาคต
อาชีพค้าขายกับการเงินออม “ขายดีจนเจ๊ง” เป็นประโยคที่คนภายนอกซึ่งไม่เคยค้าขายอาจฟังดูแล้วงง ๆ ว่า หากขายดีแล้วมันจะเจ๊งได้อย่างไร ? เหตุผลเป็นเพราะว่าพฤติกรรมการเงินบางอย่างของคนค้าขายไม่ถูกต้องนั่นเอง ในยุคที่สภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยสู้ดีแบบนี้ การมีรายได้หลายทางจึงไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นทางรอด และหลายคนก็สามารถหารายได้เป็นกอบเป็นกำจากการค้าขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายของออนไลน์ แต่หลายคนมักแปลกใจว่าแม้ค้าขายได้มาก ออเดอร์เข้าตลอด แต่ทำไมพอสิ้นเดือนกลับไม่มีเงินออมเหมือนที่ตั้งเป้าไว้ นั่นอาจเพราะเราไม่มีความเข้าใจทางการเงินสำหรับอาชีพค้าขายมากพอ ในบทความนี้เราจึงอยากชวนมาดูเคล็ดลับต่าง ๆ ที่จะทำให้อาชีพค้าขายมีเงินออม ไว้เป็นฟูกรองรับกับสถานการณ์ไม่คาดคิดในวันหน้ากัน

อาชีพค้าขายกับการเงินออม ควรเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ค่อยสะสมเงินเพื่อเป็นเงินออมสำรองในยามฉุกเฉิน
เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ไปทีละขั้น
เมื่อเริ่มทำอาชีพค้าขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายออนไลน์หลายคนมักใจร้อนที่จะสเกลธุรกิจไปอีกขั้น หวังว่าจะมีรายได้มหาศาลเข้ามา โดยทุ่มแบบสุดตัว มีเท่าไรใส่เข้าไปกับการเริ่มธุรกิจหมด จนต้องเริ่มหยิบยืมจากคนรอบข้าง แต่ในความเป็นจริงของโลกธุรกิจไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่เราอ่านตามหนังสือ หรือเห็นตามฟีด Facebook ทุกอย่างสามารถขาดทุนหากเราไม่มีแผนการรองรับที่ดีพอ ดังนั้นหากอยากมีเงินออมจากการค้าขาย ควรเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ค่อยสะสมเงิน และชั่วโมงบินไปทีละขั้นก็ไม่สาย

แยกบัญชีให้เด็ดขาด !!
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสภาวะ ‘ขายดีจนเจ๊ง’ คือการไม่แยกบัญชีร้านกับบัญชีส่วนตัวให้เด็ดขาด โดยเรามักนึกเอาเองว่าเราขายได้มาก ทำออเดอร์ได้เยอะ เราก็สามารถนำเงินไปใช้เท่าไรก็ได้ตามที่ใจอยาก โดยไม่ได้จดบันทึก และแยกเงินส่วนตัวกับทางร้านออกจากกันอย่างชัดเจน ufa44 ปัญหาที่ตามมาคือเราจะใช้เงินมั่วไปหมด หากวันไหนร้านขาดทุนก็อัดเงินส่วนตัวไป หากวันไหนไม่พอใช้ก็หยิบจากร้านออกมาจนอาจเป็นสาเหตุทำให้ร้านไม่โตจนถึงล่มได้ในที่สุด
เงินสำรองยามฉุกเฉิน
ข่าวธุรกิจบัญชี เงินออมก้อนแรกที่เราควรมีไม่ว่าจะประกอบอาชีพค้าขายเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมคือ เงินสำรองยามฉุกเฉิน ที่จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นมา ก็ยังมีเงินเย็นสำรองที่จะช่วยประคับประคองรายจ่ายส่วนตัวหรือธุรกิจให้เดินต่อไปได้ อย่างน้อย ๆ ควรแบ่งกำไรจากการค้าขายมาอย่างน้อย 10% เพื่อเป็นเงินออมสำรองฉุกเฉิน

เก็บเงินฉุกเฉินไว้ในการลงทุนความเสี่ยงต่ำ
เข้าใจดีว่าเมื่อมี เงินออม เราทุกคนก็คงไม่อยากให้เงินของเราอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่ได้ทำให้งอกเงย แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าเงินฉุกเฉินควรเป็นเงินเย็นที่เราวางใจได้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่ขาดหายไปมากจากการลงทุน ดังนั้นหากเลือกลงทุนกับเงินก้อนนี้ก็ควรเป็นการลงทุนในความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนตราสารต่าง ๆ